น้ำท่วมปอดเกิดขึ้นจากอะไร อันตรายแค่ไหน
![](https://static.wixstatic.com/media/393c8a_e61d485475a14ae1ba25526fb18230ec.jpg/v1/fill/w_432,h_288,al_c,q_80,enc_avif,quality_auto/393c8a_e61d485475a14ae1ba25526fb18230ec.jpg)
สาเหตุของน้ำท่วมปอด ส่วนใหญ่มักเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากไม่สามารถปั๊มเลือดที่รับมาจากหัวใจห้องขวาออกไปได้ ทำให้มีปริมาณเลือดในหัวใจห้องขวาเพิ่มขึ้นเรื่อยจนกระทั่งล้นไปท่วมปอดนั่นเอง นอกจากนี้ภาวะน้ำท่วมปอดยังสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น โรคปอดบวม ปอดอักเสบ การสัมผัสกับสามารถผิดบางอย่าง การบาดเจ็บที่ การออกกำลังกายมากเกินไป การอยู่ในพื้นที่มีระดับความสูงมาก
สาเหตุที่ทำให้หัวใจล้มเหลว แบ่งเป็น 2 สาเหตุใหญ่ๆ คือ
1. กล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลว
2. ลิ้นหัวใจล้มเหลว
อาการภาวะน้ำท่วมปอด แบ่งเป็น 3 ลักษณะอาการ ดังนี้
1. ภาวะน้ำท่วมปอดแบบเฉียบพลัน (Acute pulmonary edema symptoms)
– ลมหายสั้นถี่มาก หรือ อาการหายใจลำบาก และอาการแย่ลงเมื่อนอนลง
– รู้สึกหอบเหนื่อย หายใจไม่ออก คล้ายอาการจมน้ำ
– หายใจเสียงดัง , หายใจแรง หรือต้องอ้าปากขณะหายใจ
– มีความวิตกกังวลกระสับกระส่าย
– มีอาการไอที่มีเสมหะเป็นฟอง หรือมีเสมหะปนเลือด
– มีอาการเจ็บหน้าอกถ้าภาวะน้ำท่วมปอดมีสาเหตุมาจากการเกิดโรคหัวใจ
– หัวใจเต้นผิดปกติ,ใจสั่น ,หัวใจเต้นเร็ว
หากมีอาการใดๆ ของอาการดังกล่าวควรรีบเข้าพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะภาวะน้ำท่วมปอดเฉียบพลัน
อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา
2. ภาวะน้ำท่วมปอดเรื้อรัง (Chronic pulmonary edema symptoms)
– มีอาการหายใจถี่ขึ้นมากกว่าปกติเมื่อมีการออกกำลังกาย หรือมีการใช้งานทางร่างกาย
– หายใจลำบากกับกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังมาก
– หายใจลำบากเมื่อนอนราบกับพื้น
– หายใจดังเสียงฮืดๆ
– ตื่นในเวลากลางคืนด้วยอาการหายใจหอบเหมือนหายใจไม่ทัน อาจบรรเทาอาการได้โดยการลุกขึ้นนั่ง
– น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อมีภาวะน้ำท่วมปอดที่มีสาเหตุมาจากโรคหัวใจล้มเหลว, ภาวะที่หัวใจปั๊มเลือด
ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากการสะสมของเหลวในร่างกายโดยเฉพาะที่ขา
ทำให้ขาบวม
– อาการบวมตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าจนถึงข้อสะโพก (Lower Extremities)
– มีอาการเมื่อยล้า
3. ภาวะปอดบวมน้ำจากการอยู่ในพื้นที่สูง (High-altitude pulmonary edema symptoms)
– มีภาวะการณ์หายใจสั้นหลังจากมีการออกแรง ซึ่งจะพัฒนาอาการเป็นหายใจถี่ขึ้นขณะนั่งพัก
– อาการไอ
– มีปัญหาในการเดินขึ้นเขา หรือเดินขึ้นเนิน
– มีไข้
– ไอมีเสมหะเป็นฟอง และอาจปนเลือดออกมาด้วย
– หัวใจเต้นผิดปกติ หรือมีอาการใจสั่นอย่างรวดเร็ว
– มีความรู้สึกไม่สบายหน้าอก
– มีอาการปวดหัว ซึ่งอาจแสดงเป็นอาการแรกของภาวะน้ำท่วมปอดจากการอยู่ในที่สูง
ควรไปพบแพทย์เมื่อใด ?
อาการบวมน้ำเฉียบพลันเป็นภาวะอันตรายถึงชีวิต ควรได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนหากมีอาการเฉียบพลัน
ดังต่อไปนี้
– มีภาวะการณ์หายใจสั้น โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นทันทีทันใด
– มีปัญหาในการหายใจ หรือรู้สึกหายใจหอบเหนื่อย หายใจลำบาก
– มีเสมหะเป็นสีชมพู เป็นฟองเมื่อมีอาการไอ
– หายใจลำบาก และมีเหงื่อออกมาก
– ผิวมีโทนสีฟ้า หรือสีเทา
– ความดันโลหิตลดลง ทำให้เกิดอาการวิงเวียน เวียนหัว อ่อนเพลีย หรือมีเหงื่อออก
– มีอาการใดๆ ที่เลวร้ายลงอย่างเฉียบพลันเกี่ยวกับอาการน้ำท่วมปอดแบบเรื้อรัง และจากการอยู่ในพื้นที่สูง
ภาวะแทรกซ้อนของอาการน้ำท่วมปอด
หากมีภาวะน้ำท่วมปอดอย่างต่อเนื่องจะทำให้ความดันโลหิตสูงในปอด และในที่สุดหัวใจห้องขวาจะอ่อนลงและค่อยๆ ล้มเหลวซึ่งจะทำให้เกิดอาการเหล่านี้ตามมา
– อาการท้องบวมและอาการบวมตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าจนถึงข้อสะโพก
– มีการสะสมของเหลวในเยื่อหุ้มรอบๆ ปอด เรียกว่า ภาวะมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด หรือ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด
– มีเลือดคั่งในตับและ ตับมีอาการบวม
การป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของภาวะน้ำท่วมปอด
– ควบคุมความดันโลหิต
– ตรวจคลอเรสในเลือดอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด
– ไม่สูบบุหรี่
– รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ
– จำกัดปริมาณเกลือที่รับประทานในแต่ละวัน
– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
– การจัดการกับความเครียด
– รักษาน้ำหนักเพื่อสุขภาพ เช่น การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยผลไม้สด ผักและผลิตภัณฑ์ไขมันต่ำจากนม
ลดการรับประทานเกลือ และเครื่องดื่มแอลกฮอล์
เครดิต : ครบเครื่องเรื่องผู้สูงอายุ
Comments